บึงกาฬ โต้เดือด ยันบั้งไฟพญานาค ขึ้น 153 ลูก ชี้ทิ้งระยะห่างจากปีก่อน คนอาจทยอยกลับจึงไม่เห็น ท้าเดิมพัน ‘อ.เจษฎา’ 1 ล้านบาท มาพิสูจน์ด้วยกัน
วันที่ 31 ต.ค. 2566 นายทวี ชินณรงค์ นายอำเภอปากคาด จ.บึงกาฬ พร้อมด้วยนายภิรมย์ ยนต์พันธ์ นายกเทศมนตรีตำบลปากคาด, นายบุญเหลือ ราชภักดี นายก อบต.ปากคาด, นายสมัย คงทัน นายก อบต.นากั้ง, นายพงษ์ศักดิ์ พลภักดี กำนันตำบลปากคาด, นายนพดล สินธิสุทธิ์ สมาชิกสภา อบจ.บึงกาฬ อ.ปากคาด เขต 1, นายขวัญใจ ชมพันธ์ สมาชิกสภา อบจ.บึงกาฬ อ.ปากคาด เขต 2 และนายภูมิพันธ์ บุญมาตุ่น ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬ ร่วมแถลงข่าวชี้แจงกรณีการนำเสนอข่าวว่า จ.บึงกาฬ ไม่มีบั้งไฟพญานาคขึ้นแม้แต่ลูกเดียว
นายทวี กล่าวว่า อ.ปากคาด มีความยาวติดลำน้ำโขงประมาณ 22 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 3 แห่ง คือ เทศบาล ต.ปากคาด, อบต.ปากคาด และอบต.นากั้ง โดยมีการจัดงานบั้งไฟพญานาคในพื้นที่รับผิดชอบของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งพื้นที่จัดงานที่กว้างที่สุดคือ ลานพญานาค เทศบาลตำบลปากคาด มีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร มีประชาชนมามากที่สุด
นายทวี กล่าวต่อว่า เกิดปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคลูกแรกในจุดนี้ เวลาประมาณ 18.40 น. จากนั้นก็ทิ้งช่วงยาวเงียบสงบไปจนถึงช่วงเวลา 20.45-20.50 น. ก่อนเกิดอีกครั้งที่หัวดอน เขตติดต่อระหว่างปากคาด กับ อ.รัตนวาปี อีกประมาณ 12 ลูก ซึ่งปีที่ผ่านมาขึ้นจุดเดียวกัน 34 ลูกที่ลานพญานาค แต่ปีนี้ขึ้นเป็น 2 ช่วง และระยะเวลาทิ้งห่างกันพอสมควร อาจทำให้ผู้ที่เดินทางมารอชมบั้งไฟพญานาคกลับไปก่อน จึงไม่เห็นในช่วงหลัง
ด้านนายภิรมย์ กล่าวว่า ตนรู้สึกไม่สบายใจที่ได้ยินข่าวว่าไม่มีบั้งไฟพญานาคขึ้นที่ อ.ปากคาด ตนอยู่ที่ลานพญานาค เวลาประมาณ 18.40 น. ได้ยินเสียงเฮขึ้น ประชาชนที่เห็นบอกว่าขึ้นประมาณ 2-5 ลูก จากนั้นขึ้นอีกครั้งช่วงเวลา 20.50 น. ประมาณ 1-2 ลูก
นายภิรมย์ กล่าวต่อว่า กรณีที่สื่อนำเสนอข่าวว่า บั้งไฟพญานาคไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่เกิดจากฝีมือมนุษย์นั้น ตนเคยเห็นมาตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบัน ตนมีตา มีสติสัมปชัญญะครบถ้วนในการมองเห็น ในการรับรู้ คนที่เห็นก็เห็นมาเป็นสามสิบสี่สิบปี และมีหลายล้านคนที่เห็น บั้งไฟไม่ได้ขึ้นที่ฝั่งลาวเหมือนที่อาจารย์วิทยาศาสตร์บางท่านวิพากษ์วิจารณ์ผ่านสื่อ ไม่ใช่การยิงปืนอะไรที่ฝั่งลาว
นายภิรมย์ กล่าวต่อว่า อยากขอให้ความเป็นธรรมกับประชาชนในพื้นที่ มิเช่นนั้นจะเหมือนกล่าวหาว่าคนในหนองคาย-บึงกาฬ โกหกหลอกหลวง ถ้าโกหกคงไม่มีนักท่องเที่ยวแห่มารอชมเป็นจำนวนมากมืดฟ้ามัวดินรถติดเป็น 4-5 กิโลเมตรจนถึงทุกวันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นทางอำเภอปากคาดได้สรุปเป็นเอกสารให้สื่อมวลชนระบุว่า มีบั้งไฟพญานาคขึ้น 7 จุด รวมกันประมาณ 153 ลูก ได้แก่ 1.ท่าทรายเก่า บ้านศรีวิไล ต.นากั้ง 21 ลูก 2.แก่งอาฮอง บ้านต้าย ต.นากั้ง 18 ลูก, 3.หาดแห่ บ้านต้าย 6,นากั้ง 25 ลูก 4.บ้านเวินโดน ต.ปากคาด 27 ลูก 5.บ้านท่าสุขสันต์ (ปากห้วย) ต.ปากคาด 26 ลูก 6.บ้านท่าสวรรค์-ท่าสุขสันต์ ต.ปากคาด 11 ลูก และ7.ห้วยคาด-ลานพญานาค ต.ปากคาด 25 ลูก
นายบุญมา พันดวง คหบดีในบึงกาฬ กล่าวว่า ขอท้า ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทยมาพิสูจน์ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ กรณีเกิดบั้งไฟพญานาคในวันออกพรรษา ที่ท่านบอกว่าเป็นการยิงกระสุนส่องสว่างจากอาวุธปืนเอสเคจากฝั่งลาวขึ้นฟ้า ทำให้คนไทยเชื่อว่าเป็น “บั้งไฟพญานาค” ตามความเชื่อของคนไทยและลาวริมฝั่งโขง ซึ่งเคยยืนยันเรื่องนี้มามากกว่า 10-15 ปีแล้ว ปัจจุบัน ดร.เจษฎา ก็ยังยืนยันคำเดิม
นายบุญมา กล่าวต่อว่า ดร.เจษฎา ไม่ต้องไปจับคนลาวที่ยิงปืนมาพิสูจน์ให้คนไทยดูก็ได้หรอก แต่ให้มานั่งดูที่ริมฝั่งโขงในเขต อ.ปากคาด ด้วยกัน โดยเชิญสื่อมวลชนส่วนกลางมาบันทึกภาพเป็นสักขีพยานด้วย เก็บภาพทุกมุม ทั้งยิงกล้องมาทางฝั่งลาวด้วย ขอร้องประชาชนหรือนักท่องเที่ยวห้ามส่งเสียงช่วงพิสูจน์ด้วยกันทั้งฝั่งและลาว จะได้รู้ดำรู้แดงให้มันจบๆ ในยุคเรา
“ขอเดิมพัน 1 ล้านบาท ถ้าเป็นไปตามที่ ดร.เจษฎา วิเคราะห์หรือพิสูจน์มา แต่ถ้าเป็นไปตามความเชื่อของคนหนองคายและบึงกาฬ ดร.เจษฎา ต้องยอมจ่าย 1 ล้านบาท และยินดีจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางพร้อมอาหารที่พักให้ด้วย ถ้าตกลงตามคำท้า ขอโทรมาที่เบอร์ 09-8096-7105” นายบุญมา กล่าว